มูลนิธิฯ สำนักบริหารความยั่งยืน และบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ จับมือภาครัฐ เตรียมดำเนินโครงการปลูกป่าอมก๋อย “สร้างอมก๋อยน่าอยู่ คู่ป่าต้นน้ำ”

มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท พร้อมด้วยฝ่ายพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาล และบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ อาทิ โลตัส แม็คโคร ทรู ฯลฯ จับมือหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมป่าไม้ เตรียมดำเนินโครงการปลูกป่าอมก๋อย “อมก๋อยโมเดล” เพื่อสนองแนวพระราชดำริ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะป่าต้นน้ำ ในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่

คุณจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และกรรมการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท กล่าวว่า โครงการดังกล่าวฯ เป็นดำริจาก คุณสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือซีพีในฐานะรองประธานกรรมการมูลนิธิฯ ที่เห็นถึงความสำคัญของพื้นที่ป่าในอมก๋อย ที่เคยมีความอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญ และแต่ปัจจุบันมีสภาพที่เสื่อมโทรมและเป็นการสนองแนวพระราชดำริ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะป่าต้นน้ำ ในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่จึงได้มีการจัดทำโครงการปลูกป่าอมก๋อย “อมก๋อยโมเดล” และได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการมูลนิธิฯให้มีการดำเนินโครงการเพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู ป่าต้นน้ำและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนอยู่กับป่าอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมาย ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ จำนวน 10,000 ไร่ ในระยะเวลา 5 ปี (ระหว่างปี 2564 – 2568) รวมทั้งการพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่

คุณจอมกิตติ กล่าวต่อว่า สำหรับยุทธศาสตร์ในการดำเนินโครงการ มีทั้งหมด 3 ด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ปกป้องรักษาป่าต้นน้ำ โดยนำพันธุ์กาแฟเข้าไปปลูก และสร้างเกษตรมูลค่าสูง ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างอาชีพรายได้ที่ยั่งยืนให้กับชาวไทยภูเขาในพื้นที่ จากข้าวไร่และสร้างกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise)และยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างชุมชนที่ยั่งยืน โดยทำการปลูกป่าต้นน้ำเพื่อการอนุรักษ์ และให้การศึกษาแก่ชาวไทยภูเขา โดยทรูปลูกปัญญา

ทั้งนี้ โครงการปลูกป่าอมก๋อย “อมก๋อยโมเดล” มุ่งหวังผลสำเร็จ 9 ด้าน ได้แก่ สามารถทำให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน ธรรมชาติและระบบนิเวศน์ได้รับการฟื้นฟู สามารถลดการใช้สารเคมีบนป่าต้นน้ำสำคัญ แก้ปัญหาการทำเกษตรด้วยการเผา ลดหมอกควันในภาคเหนือ สามารถทำการเกษตรแบบยั่งยืนได้ ชาวบ้านมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง ผลักดันเศรษฐกิจโดยชุมชน พัฒนาการศึกษาโรงเรียนในพื้นที่ และตอบแทนคุณแผ่นดิน ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน คุณจอมกิตติ กล่าวปิดท้าย

สำหรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนดังที่กล่างข้างต้น ทำให้โครงการมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องซึ่งเตรียมจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2564 นี้